เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของวัสดุบัตรพลาสติก PVC และ PET
PVC vs PET วัสดุยอดนิยมในการผลิตบัตรพลาสติก มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะกับงานแบบไหน มาหาคำตอบพร้อมกัน
เลือกบรรจุภัณฑ์ยังไง ให้อาหารแช่แข็งคงความอร่อยและสดใหม่ รู้หรือไม่ว่าการเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับอาหารแช่แข็ง มีผลต่อคุณภาพและความสดใหม่ของอาหารอย่างมาก เรามีเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกบรรจุภัณฑ์มาบอก พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน อ่านจบรับรองเลือกบรรจุภัณฑ์เป็นแน่นอน
สวัสดีจ้าเพื่อนๆ วันนี้เรามีเรื่องน่ารู้มาบอกกันอีกแล้ว เกี่ยวกับการเลือกบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารแช่แข็งนั่นเอง เชื่อว่าหลายคนอาจเคยสงสัยว่า บรรจุภัณฑ์มีผลต่อคุณภาพอาหารแช่แข็งด้วยเหรอ? คำตอบคือ “ใช่แล้วล่ะ!” เพราะบรรจุภัณฑ์ที่ดี จะช่วยรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของอาหารแช่แข็งไว้ได้นานขึ้นนั่นเอง
เพื่อนๆ รู้กันมั้ยว่า การเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับอาหารแช่แข็ง มีความสำคัญมากแค่ไหน ลองคิดดูสิว่า ถ้าเราซื้ออาหารแช่แข็งมา แล้วพบว่ามันเสียรสชาติ หรือมีน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมด คงไม่อยากกินเลยใช่มั้ยล่ะ นั่นก็เพราะบรรจุภัณฑ์ไม่เหมาะสมนั่นเอง ดังนั้น การเลือกบรรจุภัณฑ์ให้ถูกต้อง จึงสำคัญมากๆ ในการรักษาคุณภาพของอาหาร ให้อร่อยและปลอดภัยต่อผู้บริโภคค่ะ
ว่าแล้วเรามาดูกันดีกว่า ว่าจะเลือกบรรจุภัณฑ์ยังไงให้เหมาะกับอาหารแช่แข็ง มีเกณฑ์อะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึง เรามาเช็คกันทีละข้อเลยจ้า
อันดับแรกเลย ต้องดูที่วัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ก่อนเลยนะ โดยทั่วไปแล้ว บรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็ง มักทำจากพลาสติกชนิดต่างๆ เช่น PP , PE , PET เพราะทนทานต่ออุณหภูมิต่ำ ป้องกันการซึมผ่านของอากาศและความชื้นได้ดี ทำให้อาหารคงความสดใหม่ได้นานขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ การเลือกใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่รักษ์โลกอย่างถูกต้องยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วย อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัสดุบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม
นอกจากวัสดุแล้ว เรายังต้องดูคุณสมบัติของบรรจุภัณฑ์ด้วยว่า มีความแข็งแรงทนทานมากแค่ไหน สามารถกันอากาศและความชื้นได้ดีหรือเปล่า เพราะถ้าอากาศและความชื้นเข้าไปในบรรจุภัณฑ์ได้ จะทำให้อาหารเน่าเสียได้ง่าย หรืออาจเกิดผลึกน้ำแข็งเกาะ ทำให้อาหารไม่น่ากินเลยล่ะ
อีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ขนาดและรูปทรงของบรรจุภัณฑ์จ้า ต้องเลือกให้เหมาะกับปริมาณอาหารที่บรรจุ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป เพราะถ้าเล็กเกินจะทำให้อัดแน่นเกินไป แต่ถ้าใหญ่เกินก็จะมีพื้นที่ว่างเยอะ เปิดช่องให้อากาศเข้าไปทำให้อาหารเสียได้ ส่วนรูปทรงก็ควรมีลักษณะที่ช่วยระบายความร้อนได้ดี เพื่อให้อาหารแช่แข็งได้เร็วและสม่ำเสมอมากขึ้นนั่นเอง
สุดท้ายนี้ อย่าลืมคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานบรรจุภัณฑ์ด้วยนะคะ เช่น ควรมีซิปล็อคหรือตัวล็อคที่ปิดได้สนิท เพื่อกันอากาศเข้าไปหลังจากเปิดใช้แล้ว หรือถ้าเป็นกล่องก็ควรมีฝาปิดที่แน่นหนา เปิด-ปิดง่าย ไม่หลุดร่วงง่ายจนเกินไป เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการหยิบจับใช้งานนั่นเองค่ะ
เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเลือกบรรจุภัณฑ์ สามารถเลือกใช้เทคนิคลดต้นทุนโดยไม่ลดคุณภาพได้อีกหลายวิธี ลองดูแนวทางเพิ่มเติมที่ 10 เทคนิค ลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ แต่คุณภาพไม่ลด
เอาล่ะ เราลองมาดูตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับอาหารแช่แข็งบางชนิดกันดีกว่า
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อเนื้อหมูสไลด์จากซูเปอร์มาร์เก็ตมาหลายๆ แพ็ค เราสามารถแบ่งใส่ถุงซิปล็อคแบ่งเป็นส่วนๆได้ แล้วนำไปแช่แข็งไว้ พอจะทำอาหารก็หยิบออกมาละลายเท่าที่ต้องการใช้ในแต่ละมื้อ ส่วนที่เหลือก็ยังคงความสดใหม่ในช่องแช่แข็งต่อไป
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราทำต้มยำกุ้งไว้ทานหลายๆ มื้อ ให้ตักใส่กล่องพลาสติกแบ่งเป็นส่วนๆ แล้วแช่แข็งไว้ พอจะทานก็นำไปอุ่นในไมโครเวฟได้เลย โดยไม่ต้องย้ายใส่ภาชนะใหม่ให้ยุ่งยาก แถมความร้อนก็กระจายได้ทั่วถึงอีกด้วย
ลองนึกภาพว่าเราอบพิซซ่าโฮมเมดไว้เป็นถาดใหญ่ๆ ถ้าแบ่งใส่ถาดฟอยล์เป็นชิ้นๆ แล้วห่อแรปฟิล์มอีกชั้น พอจะรับประทานก็แกะแรปแล้วนำเข้าเตาอบได้ทันที แค่ไม่กี่นาทีก็ได้พิซซ่าร้อนๆ หอมกรุ่นเหมือนเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ เลย
เห็นไหมว่ามีบรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่เหมาะกับอาหารแช่แข็งแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารดิบหรืออาหารสำเร็จรูป ถ้าเลือกใช้ให้ถูกต้องก็ช่วยคงคุณภาพและรสชาติไว้ได้นานหลายวัน แถมยังอุ่นทานได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอีกด้วย ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราดูนะ รับรองว่าชีวิตในครัวจะสะดวกสบายขึ้นแน่นอน
จะเห็นได้ว่า การเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับอาหารแช่แข็ง เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยนะคะ เพราะมันช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารให้อร่อย สดใหม่ ปลอดภัยต่อการบริโภค แถมยังสะดวกต่อการใช้งานอีกด้วย ดังนั้น ถ้าอยากให้อาหารแช่แข็งของเรายังคงความอร่อยไว้ได้นานๆ อย่าลืมเลือกบรรจุภัณฑ์ให้ดีด้วยล่ะ รับรองว่าจะได้กินอาหารอร่อยๆ แบบฟินๆ ไปอีกนานแน่นอนจ้า